ภาพยนตร์เรื่องหอแต๋วแตก แหกสัปะหยดภาค 10 กลับมาอีกครั้งพร้อมความฮาแบบจัดเต็ม ที่ทุกคนกำลังรอคอยจากภาคแรก ๆ ที่ไม่เคยทำให้ผิดหวัง ยังสร้างเสียงฮาเสียงหัวเราะ คนดูได้คลายเครียดและได้รับอรรถรสของการกำกับภาพยนตร์หอแต๋วแตกแต่ละภาคที่ผู้กำกับอย่าง อานนท์ มิ่งขวัญตา สามารถนำกระแสความสนใจหรือความนิยมตามช่วงเวลาต่าง ๆ มาชงให้เป็นเรื่องราวเดียวกันและนำเสนอภาคความสนุกให้กับคนดูได้เป็นอย่างดี
ต้องการเห็นการใส่มุกตลกของนักแสดงแต่ละท่านแบบจัดเต็ม และได้พาคนดูหัวเราะกันแบบท้องแข็ง ซึ่งเป็นแบบฉบับของหอแต๋วแตกตั้งแต่ภาคแรก มาจนถึงปัจจุบัน
เริ่มต้นเรื่องราวจากเจ๊พยูนที่ต้องการจะฮุบกิจการทั้งหมดของเจ๊แต๋ว จึงได้ร่วมมือกับผียายแก่ที่กำลังตามหาร่างใหม่ ซึ่งเป้าหมายแรกก็คือร่างอาโคยแต่ก็พลาดจนได้ เพราะเจ๊แต๋วเข้ามาช่วยลูกไว้ได้ทัน พยูนที่โดนซักถามเพื่อหาคำตอบจากเหตุการณ์นี้ก็ไม่ยอมปริปากยอมพูดอะไร ซึ่งประโยคทิ้งท้ายของผียายแก่ทำให้เจ๊แต๋วจะต้องหาทางช่วยลูกให้ได้ จึงได้พยายามหาทุกหนทางเพื่อปกป้องลูกของตนเองให้พ้นทางผียายแก่ให้ได้ ต่อมาทั้งเจ๊แต๋ว แพนด้าและอาโคย ตามหาร่องรอยผียายแก่ไปจนถึงหมู่บ้านสัปะหยด หมู่บ้านลี้ลับที่มีเรื่องราวมากมายเป็นปมที่ก็ยังหาต้นสายปลายเรื่องไม่ถูก
เรื่องราวของหมอผีที่กำลังหาตัวเพื่อให้มาช่วยทำพิธีช่วยลูกและต้องการกำจัดผียายแก่ ทั้งเรื่องราวฆาตกรรม ผีดอกหญ้า และปมปัญหาซับซ้อน ซ่อนเงื่อนมากมายเหล่านี้ ที่เจ๊แต๋วเข้าไปพัวพันและยังหาคำตอบไม่ได้จะมีคำตอบและหนทางแก้ไขไหม จนกระทั่งสุดท้ายแพนด้าที่ถูกบริวารของผียายแก่จับไปเพื่อจะให้เป็นตัวตายตัวแทน กำลังจะถูกทำพิธีสลับวิญญาณ รวมถึงเจ๊การ์ตูนและเจ๊มดดำ เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้อย่างไร เจ๊แต๋วที่เริ่มจะเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างจะแก้ปัญหาเรื่องเหล่านี้ได้ไหมจะช่วยแพนด้าได้อย่างไร อาโคยจะปลอดภัยหรือไม่และแพนเค้กหายไปไหนกันแน่
การเดินเรื่องหรือเทคนิคการเล่าเรื่องที่อาจมีบางจุดที่ตะกุกตะกัก ไม่สมูทเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ทำให้ถึงกับแย่เลยก็ยังสามารถรับได้ หากเปรียบเทียบกับฉากอื่น ๆ ที่สามารถสร้างเสียงหัวเราะให้ได้แบบต่อเนื่อง ความสนุก ขบขัน เสียงหัวเราะที่ไม่ถึงกับท้องแข็งหรือน้ำตาเล็ด ซึ่งก็อาจไม่ได้เป็นไปตามคาดหวัง และฉากน่ากลัวหรือเป็นฉากที่ดึงอารมณ์คนดูให้ดำดิ่งสู่ความหดหู่ก็ไม่ถึงขนาดทำให้น้ำตารื้นแต่ก็เข้าถึงได้ว่าต้องการจะสื่ออะไร กับฉากจบของผีดอกหญ้าก็รู้สึกผิดหวังนิดหน่อย ซึ่งแตกต่างจากภาคแรก ๆ ที่ต้องมีลุ้นมีเชียร์เอาใจช่วยต้องแพ้ชนะกันไปข้างหนึ่ง สำหรับฉากเสียดสีสังคมซึ่งไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องเป็นการนำประเด็นทางสังคมเข้ามาสอดแทรกก็เข้าใจได้ แต่ก็ไม่ได้สร้างความประทับใจให้กับหนังเพิ่มขึ้นไปกว่านี้ แต่สามารถที่จะนำไปเป็นพล็อตเรื่องเริ่มต้นสำหรับหอแต๋วแตกในภาคต่อ ๆ ไปได้ คิดว่าเป็นการตัดสินใจที่เร็วเกินไปสำหรับการนำฉากนี้เข้ามา
เรื่องนี้สถานที่การถ่ายทำฉากต่าง ๆ การทำ CG การแต่งหน้าตัวละครนักแสดงผีแต่ละท่าน ทำออกมาได้น่าประทับใจ แทบไม่มีจุดบกพร่อง การผูกปมที่พอจะเดาได้แต่ก็ไม่แน่ใจว่าผู้กำกับจะพลิกแพลงตะแคงไปแนวไหน ที่สำคัญการนำนักแสดงสาว กันติชา ชุมมะ ให้มารับบท ผีดอกหญ้า ที่คนดูมักติดภาพความอ๊อง ตลก ฮา ๆ ของเธอให้ออกมาได้น่ากลัว เป็นตัวเดินเรื่องปริศนาที่นำมาผสมกลมกลืนกับความฮาของเจ๊แต๋วได้แบบลงตัวจะตลกจนหัวทิ่มเลยก็ไม่ใช่จะน่ากลัว สยดสยองไปเลยก็ไม่เชิงไม่ถึงกับต้องปิดตาข้างหนึ่งดู อีกทั้งนักแสดงทุกคนเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมและจะเห็นว่านักแสดงหลักทุกคนพยายามจะแย่งซีนกันสุด ๆ แต่ก็ไม่เคยชนะ เจ๊แต๋ว ได้เลยเพราะยังคงเป็นตัวขโมยซีนได้แบบเนียน ๆ นิ่ม ๆ ความสุดโต่งของแพนด้าในภาคนี้เหมือนโดนสะกดให้ซอฟต์ลงแต่ก็ดึงกลับขึ้นมาได้กับชุดเก๋ไก๋ในกระท่อมกลางป่าที่ก็น่ารักไปอีกแบบ
เรื่องหอแต๋วแตก แหกสัปะหยด ถ้าจะบอกต่อหรือชวนเพื่อน ๆ ให้ไปดูก็ถือว่าคุ้ม เพราะเป็นแนวตลก สบาย ๆ ไม่เครียดมีแฝงเรื่องบาปบุญคุณโทษ การทำกรรม การจองเวรเป็นการกระทำที่ไม่ควรเกิดขึ้น การให้อภัยกันเป็นหนทางที่ดีที่สุด เนื่องจากตนเองจะได้พ้นทุกข์และไม่เป็นการสร้างเวรกรรมต่อกันอีก
หลังจากที่ดูหอแต๋วแตก แหกสัปะหยดจบลง มีเพียงจุดเล็ก ๆ ที่อาจขัดแย้งกับความรู้สึกตรงการโยงหรือผูกเรื่องแบบดื้อ ๆ ซึ่งก็มีเฉลยในตอนท้ายก็ถือว่ายังรักษาอรรถรสของความสนุกไว้ได้ เพราะยังได้รับความสนุก เบาสมองถึงแม้จะมีฉากที่เป็นจุดไคลแม็กซ์ที่ดูซอฟต์ลงมาก ซึ่งหนังเรื่องนี้ยังคงเอกลักษณ์ความตลกแบบหอแต๋วแตก ที่มีการเพิ่มเรื่องราวลึกลับและความสยองขวัญ สร้างปมปัญหาให้คนดูสงสัยแล้วมาเฉลยในตอนท้าย ซึ่งก็เป็นการเดินเรื่องให้น่าติดตาม น่าสงสัย คนนั้นเป็นใครมาจากไหน ตัวละครนี้มีความเป็นมาอย่างไร นั่นเอง